แบตเตอรี่รถยนต์หลักๆ ที่ใช้กันในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ แบตเตอรี่แบบน้ำ (Conventional/Wet/Flooded), แบบกึ่งแห้ง (Maintenance Free - MF), แบบแห้ง (Sealed Maintenance Free - SMF), แบบ EFB (Enhanced Flooded Battery) และ แบบ AGM (Absorbent Glass Mat) ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ
| ประเภทแบตเตอรี่ | ชื่อย่อ/ชื่อเรียกอื่น | ลักษณะเด่น/การดูแล | เหมาะสำหรับ |
| 1. แบตเตอรี่แบบน้ำ | เปียก (Wet), ตะกั่วกรด (Flooded Lead-Acid) | ราคาถูกที่สุด ต้องคอย ตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่น บ่อย (อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง) มีความทนทานต่อการประจุไฟเกินและคายประจุ | รถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไป, รถที่ใช้งานเป็นประจำและมีเวลาดูแลบำรุงรักษา |
| 2. แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง | MF (Maintenance Free) | มีการสูญเสียน้ำกลั่นน้อยกว่าแบบน้ำ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย (อาจจะทุก 6-12 เดือน) มีแรงสตาร์ทสูงกว่าแบบน้ำ ราคาย่อมเยา เมื่อเทียบกับคุณภาพ | รถยนต์ทั่วไปที่ต้องการความสะดวกในการดูแล แต่ยังมีช่องสำหรับเติมน้ำกลั่น |
| 3. แบตเตอรี่แบบแห้ง | SMF (Sealed Maintenance Free) | ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลย ตลอดอายุการใช้งาน แอมป์และแรงสตาร์ท (CCA) สูง ราคาสูงกว่าแบบน้ำ/กึ่งแห้ง ทนความร้อนได้ดี | รถที่ต้องการการดูแลน้อยที่สุด, รถสปอร์ต, รถที่มีการจัดวางแบตเตอรี่ในห้องโดยสาร |
| 4. แบตเตอรี่ EFB | Enhanced Flooded Battery | เป็นแบตเตอรี่แบบน้ำที่ พัฒนาขึ้น ให้มีแผ่นธาตุหนาและมีการใช้สารเคมีพิเศษเพื่อรองรับการทำงานของระบบ Start-Stop (ISS) ทนต่อการสตาร์ทบ่อยครั้งได้ดีกว่าแบบแห้งทั่วไป 3 เท่า | รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบ Start-Stop และมีการใช้ไฟฟ้าปานกลาง |
| 5. แบตเตอรี่ AGM | Absorbent Glass Mat | ใช้แผ่นใยแก้ว (Mat) ดูดซับน้ำกรดไว้ ทำให้ป้องกันการหกและรั่วไหลของน้ำกรดได้อย่างสมบูรณ์ กำลังไฟสตาร์ทสูงที่สุด ทนทานต่อการคายประจุลึกและการสตาร์ทบ่อยครั้งได้ดีกว่า EFB ประมาณ 5 เท่า ราคาสูงที่สุด | รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบ Start-Stop และมีการใช้ไฟฟ้าสูง, รถยุโรป, รถที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าเสริมมาก |
แบตเตอรี่รถยนต์หลักๆ ที่ใช้กันในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ แบตเตอรี่แบบน้ำ (Conventional/Wet/Flooded), แบบกึ่งแห้ง (Maintenance Free - MF), แบบแห้ง (Sealed Maintenance Free - SMF), แบบ EFB (Enhanced Flooded Battery) และ แบบ AGM (Absorbent Glass Mat) ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันดังนี้ครับ
| ประเภทแบตเตอรี่ | ชื่อย่อ/ชื่อเรียกอื่น | ลักษณะเด่น/การดูแล | เหมาะสำหรับ |
| 1. แบตเตอรี่แบบน้ำ | เปียก (Wet), ตะกั่วกรด (Flooded Lead-Acid) | ราคาถูกที่สุด ต้องคอย ตรวจเช็คและเติมน้ำกลั่น บ่อย (อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง) มีความทนทานต่อการประจุไฟเกินและคายประจุ | รถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั่วไป, รถที่ใช้งานเป็นประจำและมีเวลาดูแลบำรุงรักษา |
| 2. แบตเตอรี่แบบกึ่งแห้ง | MF (Maintenance Free) | มีการสูญเสียน้ำกลั่นน้อยกว่าแบบน้ำ ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย (อาจจะทุก 6-12 เดือน) มีแรงสตาร์ทสูงกว่าแบบน้ำ ราคาย่อมเยา เมื่อเทียบกับคุณภาพ | รถยนต์ทั่วไปที่ต้องการความสะดวกในการดูแล แต่ยังมีช่องสำหรับเติมน้ำกลั่น |
| 3. แบตเตอรี่แบบแห้ง | SMF (Sealed Maintenance Free) | ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นเลย ตลอดอายุการใช้งาน แอมป์และแรงสตาร์ท (CCA) สูง ราคาสูงกว่าแบบน้ำ/กึ่งแห้ง ทนความร้อนได้ดี | รถที่ต้องการการดูแลน้อยที่สุด, รถสปอร์ต, รถที่มีการจัดวางแบตเตอรี่ในห้องโดยสาร |
| 4. แบตเตอรี่ EFB | Enhanced Flooded Battery | เป็นแบตเตอรี่แบบน้ำที่ พัฒนาขึ้น ให้มีแผ่นธาตุหนาและมีการใช้สารเคมีพิเศษเพื่อรองรับการทำงานของระบบ Start-Stop (ISS) ทนต่อการสตาร์ทบ่อยครั้งได้ดีกว่าแบบแห้งทั่วไป 3 เท่า | รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบ Start-Stop และมีการใช้ไฟฟ้าปานกลาง |
| 5. แบตเตอรี่ AGM | Absorbent Glass Mat | ใช้แผ่นใยแก้ว (Mat) ดูดซับน้ำกรดไว้ ทำให้ป้องกันการหกและรั่วไหลของน้ำกรดได้อย่างสมบูรณ์ กำลังไฟสตาร์ทสูงที่สุด ทนทานต่อการคายประจุลึกและการสตาร์ทบ่อยครั้งได้ดีกว่า EFB ประมาณ 5 เท่า ราคาสูงที่สุด | รถยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบ Start-Stop และมีการใช้ไฟฟ้าสูง, รถยุโรป, รถที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้าเสริมมาก |
การเลือกใช้แบตเตอรี่ควรพิจารณาจาก ประเภทของรถยนต์และระบบไฟฟ้าของรถเป็นหลัก ตามด้วย พฤติกรรมการใช้งาน และ งบประมาณ
รถยนต์ทั่วไปที่ไม่มีระบบ Start-Stop:
ต้องการราคาถูกและดูแลได้: เลือก แบบน้ำ
ต้องการความคุ้มค่า ดูแลน้อยลง: เลือก แบบกึ่งแห้ง
ต้องการความสะดวกสบายที่สุด ไม่ต้องดูแลเลย: เลือก แบบแห้ง
รถยนต์ที่มีระบบ Start-Stop (ISS):
ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบนี้โดยเฉพาะ ได้แก่ EFB หรือ AGM
รถยนต์ที่มีระบบ Start-Stop หรือมีการใช้ไฟฟ้าสูงมาก ควรเลือก AGM เพื่อประสิทธิภาพและความทนทานสูงสุด (มักใช้ในรถยุโรปหรือรถพรีเมียม)
รถยนต์ที่มีระบบ Start-Stop และมีการใช้ไฟฟ้าปานกลาง อาจเลือก EFB ซึ่งมีราคาย่อมเยากว่า AGM แต่ยังคงประสิทธิภาพในการรองรับระบบได้ดี
ข้อแนะนำสำคัญ: ควรเลือกใช้แบตเตอรี่ที่มีค่าแอมแปร์ (Ah) และค่ากำลังสตาร์ท (CCA) ให้เท่ากันหรือสูงกว่า ที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถ หรือแบตเตอรี่เดิมที่ติดตั้งมากับรถยนต์ เพื่อให้ระบบไฟฟ้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
แบตเตอรี่สรรพาวุธ แบตเตอรี่บางนา เปลี่ยนนอกสถานที่, หน้าร้าน บริษัทขายปลีก-ส่งทั่วประเทศ